“เหงือกจ๋าฟันลาก่อน”
คงไม่มีใครอยากให้คำพูดนี้เป็นจริง
แต่พอคนเราแก่ตัวการสูญเสียฟันแท้ไปอย่างถาวรย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้
เราจึงเห็นคนแก่ที่ฟันฟางหลุดร่วงหมดปากต้องพึ่งฟันปลอมทำหน้าที่แทนในการบดเคี้ยวอาหาร
แต่บางคนยังหนุ่มยังสาวอยู่แท้ๆ ดันมีเหตุให้ต้องสูญเสียฟันไปก่อนวัยอันควรก็มี
เช่น ตอนฟันยังดีอยู่ไม่ใส่ใจดูแลจนฟันผุกร่อนเกินเยียวยาต้องถอนทิ้งไป ทีนี้ปัญหาก็บังเกิดสิคะ
พอฟันหายไปทำให้เกิดช่องว่างระหว่างฟันก็อาจเกิดฟันล้มได้ หรือใครที่ฟันหน้าหายไปสักซี่
ยิ้มทีฟันหลอโชว์หรา อย่างนี้เสียทั้งหน้าเสียทั้งความมั่นใจกันเลยทีเดียว กรณีอย่างนี้ก็ถึงเวลามองหาตัวช่วยอย่าง
ฟันปลอม แล้วค่ะ
คำว่าฟันปลอมได้ยินกันมานาน
บ้านไหนมีคนเฒ่าคนแก่ก็จะคุ้นชินเวลาเห็นคุณตาคุณยายหยิบมาใส่
ส่วนฟันปลอมรูปแบบอื่นถ้าไม่มีประสบการณ์เคยใส่มาก่อนอาจไม่คุ้นหูคุ้นตาเท่าไหร่ งั้นมาทำความรู้จักฟันปลอมกันสักนิด
เผื่อว่าสักวันมีโอกาสพึ่งบริการจะได้ไม่งงเป็นไก่ตาแตก
ฟันปลอมนับเป็นฟันชุดที่สามของชีวิต
ฟันชุดแรกก็คือ ฟันน้ำนม ถัดมาเป็นฟันแท้ หมดจากนั้นก็หนีไม่พ้นฟันปลอมนี่ล่ะค่ะ
โดยปกติฟันปลอมจะมี
2 ชนิด คือ (1) ฟันปลอมชนิดถอดได้ และ (2) ฟันปลอมชนิดติดแน่น
สองชนิดนี้ต่างกันยังไงไปดูกัน
ฟันปลอมชนิดถอดได้
อย่างชื่อบอกนั่นแหละ
ฟันปลอมชนิดนี้คุณสามารถถอดเข้าถอดออกได้ทุกเวลา
คือจะถอดทำความสะอาดล้างขัดถูตอนไหนก็ได้ ส่วนตอนกลางคืนเวลานอนก็ถอดแช่น้ำไว้
อย่าใส่นอนเพราะถ้าชิ้นฟันเล็กอาจหลุดลงคอเป็นอันตรายได้ ฟันปลอมชนิดนี้ถ้าเทียบกับฟันปลอมชนิดติดแน่นราคาต่อชิ้นจะถูกกว่า คือประมาณหลักพันถึงหลักหมื่นต้น ๆ เท่านั้น และจุดเด่นอีกอย่างของฟันปลอมชนิดถอดได้คือ
คุณหมอจะกรอแต่งเนื้อฟันธรรมชาติข้างเคียงน้อย โอกาสเสียวฟันจึงน้อยตามไปด้วย
แต่ข้อด้อยของฟันปลอมชนิดถอดได้ก็มี
นั่นคือ ชิ้นของฟันปลอมที่ค่อนข้างใหญ่ ทำให้ไม่สะดวกสบายเวลาจะใส่ ใส่แล้วรู้สึกรำคาญ การถอดออกมาล้างทำความสะอาดทุกวันนี่ก็เป็นอีกเรื่องที่บางคนไม่ปลื้ม
แถมบางครั้งอาจเห็นตะขอด้วยเวลายิ้ม โอวว...เกินทำใจยอมรับได้ ซึ่งก็ทำให้บางคนหันไปเลือกฟันปลอมชนิดติดแน่นแทนแม้ราคาจะสูงกว่าก็ตาม
สำหรับฟันปลอมชนิดถอดได้จะมี
2 แบบ คือ
|
ฟันปลอมแบบเต็มปาก |
ฟันปลอมแบบเต็มปาก สำหรับคนที่สูญเสียฟันแท้ไปหมดทั้งปาก อย่างผู้สูงอายุที่เหลือแต่เหงือก
ก็ต้องใส่ฟันปลอมแบบเต็มปากนี่ล่ะค่ะ ลักษณะของฟันปลอมแบบนี้จะแยกชิ้นบน – ชิ้นล่าง โดยฐานจะเป็นอะคริลิคสีเหมือนเหงือก ถ้าใครเคยสังเกตจะเห็นว่าฟันปลอม
2 ชิ้นบน – ล่าง จะมีลักษณะต่างกัน ชิ้นบนจะมีฐานให้ไปติดกับเพดานปากได้
ส่วนชิ้นล่างลักษณะจะเหมือนเกือกม้า ซึ่งในการผลิตคุณหมอฟันจะพิมพ์ปากของคนไข้แล้วนำไปทำเป็นฟันปลอมในห้องปฏิบัติการทันตกรรม
จึงเป็นชิ้นงานเฉพาะสำหรับคนไข้แต่ละคน โดยตัวฐานเหงือกของฟันปลอมจะติดพอดีกับเหงือกของคนไข้เท่านั้น
บอกเลยงานนี้หมดสิทธิ์ยืมกันใช้นะคะ
จริงๆแล้วก็ยืมกันใช้ไม่ได้ไม่ว่าจะเป็นฟันปลอมแบบไหน
เพราะการเรียงตัวของฟันแต่ละคนไม่เหมือนกันอยู่แล้ว
โดยทั่วไปฟันปลอมแบบทั้งปากจะใส่หลังจากฟันถูกถอนออกหมดและเนื้อเยื่อฟื้นตัวดีแล้ว
ซึ่งอาจใช้เวลาหลายเดือน คนไข้จึงต้องทนไม่มีฟันเคี้ยวไปสักพักก่อน
แต่ถ้าไม่ชอบรอก็มีฟันปลอมทั้งปากแบบทันที ให้ได้เคี้ยวอาหารแบบชิลๆ แต่อะไรที่เร่งด่วนก็มีข้อเสียค่ะ
อย่างที่บอกไปว่าหลังฟันถูกถอนออกหมดเนื้อเยื่อต้องมีการฟื้นตัว อย่างกระดูกที่รองรับฟันก็มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาที่ฟื้นตัว
ถ้าทำฟันปลอมทันทีก็ทำให้ฟันปลอมหลวมได้ คนไข้ก็ต้องมาปรับเปลี่ยนฟันปลอมหลังจากใส่ไปแล้ว
|
ฟันปลอมแบบบางซี่ี |
ฟันปลอมแบบบางซี่ เชื่อว่ามีคนจำนวนไม่น้อยที่เจอปัญหาฟันโบกมือลาก่อนวัยอันควร
ซึ่งคนเหล่านี้อาจสูญเสียฟันไปบางซี่ หรือหลายซี่ แต่ไม่ได้หายวับไปหมดทั้งปากเหมือนแบบแรก
ถ้าอยากใส่ฟันปลอมชนิดติดแน่นแต่ติดปัญหาเม็ดเงินในกระเป๋า การแก้ไขด้วยการใส่ฟันปลอมชนิดถอดได้เป็นทางเลือกที่แนะนำ
ถึงจะไม่ชอบที่ต้องใส่ๆ ถอดๆ ก็ยังดีกว่าปล่อยให้ช่องฟันโหว่อยู่
เสี่ยงฟันล้มแถมยังเสียบุคลิกภาพ สำหรับฟันปลอมบางซี่ชนิดถอดได้ที่นิยมกันมี 2 แบบคือ
แบบฐานอคริลิก และแบบฐานโลหะ
ถ้าเป็นฐานอคริลิกราคาจะถูกกว่าแบบฐานโลหะ
ซ่อมแซมได้ง่าย แถมเติมฟันเพิ่มได้ด้วยถ้ามีการถอนฟันเพิ่มในอนาคต แต่ก็ต้องระวังเรื่องการแตกหัก ส่วนแบบฐานโลหะ สบายใจได้เรื่องความแข็งแรง ไม่แตกหักง่าย ใส่ก็สบายกว่าไม่น่ารำคาญเพราะมีความบาง
แต่ราคาก็สูงกว่าด้วย ปกติฟันปลอมทั้ง 2 แบบนี้จะมีตะขอช่วยเสริมยึดฟันปลอมกับฟันจริง
ทำให้เสียความสวยงามไปบ้าง คือเวลายิ้มอาจจะเห็นตะขอเกี่ยวได้ บางคนติดตรงตะขอนี่แหละ ทำให้ไม่ชอบ
ก็มีอีกหนึ่งทางเลือกเป็นฟันปลอมชนิดถอดได้เหมือนกัน เรียกว่า ฟันปลอมฐานวอลพลาส
ที่ยืดหยุ่น บิดงอได้ ไม่แตกหัก เพราะทำจากวัสดุพอลิเมอร์ ฟันปลอมที่ว่านี้จะไม่มีตะขอโลหะมาให้รกตา
แต่ก็มีข้อจำกัดคือ คนไข้ต้องสูญเสียฟันไม่กี่ซี่ และไม่สามารถซ่อมแซมหรือเติมฟันในอนาคตได้
ฟันปลอมชนิดติดแน่น
ถ้าเบื่อที่ต้องถอดๆ ใส่ๆ ฟันปลอม
บางทีฟันปลอมหลวมมีหลุดให้ขายขี้หน้าอีก
อย่างนี้คงต้องหันมาเลือกใส่ฟันปลอมชนิดติดแน่น
แต่บอกก่อนว่าฟันปลอมแบบติดแน่นราคาค่อนข้างแพงถึงแพงมาก ราคาหลักหมื่นจนถึงหลายหมื่นบาท ถ้างบไม่อำนวยนี่ไม่แนะนำ
แต่ถ้าเงินไม่ใช่ปัญหาก็จัดไปตามชอบได้เลย
แต่ไม่ได้หมายความว่าฟันปลอมชนิดนี้จะเหมาะกับทุกคนนะคะ
คุณหมอจะต้องพิจารณาสภาพฟันของคนไข้ก่อนว่าเหมาะจะทำได้มั้ย ซึ่งสภาพที่เหมาะสมคือ
จะต้องไม่มีฟันหรือถอนฟันไปเพียงไม่กี่ซี่ และฟันซี่อื่นที่ยังเหลือต้องอยู่ในสภาพดีด้วย
ถ้าสภาพฟันไม่พร้อมถึงมีเงินจ่ายคุณหมอก็ไม่หลับหูหลับตาทำให้ค่ะ
อีกอย่างที่ต้องบอกให้รู้ก็เรื่องการทำความสะอาด
ถึงฟันปลอมแบบถอดได้จะยุ่งยากต้องถอดออกมาล้าง
แต่ถ้าพูดในเรื่องความสะอาดก็ต้องยอมรับว่าทำความสะอาดได้ง่ายกว่าฟันปลอมแบบติดแน่น
เนื่องจากสามารถถอดออกมาล้างมาแปรงภายนอกได้
ขณะที่ฟันปลอมแบบติดแน่นนั้นจะคล้ายการทำความสะอาดฟันปกติทั่วไป
ต้องทำความสะอาดให้ทั่วรวมถึงบริเวณซอกฟันด้วย จึงทำความสะอาดได้ยากกว่า
สำหรับฟันปลอมชนิดติดแน่นจะมี 2 แบบ คือ
|
ฟันปลอมติดแน่นด้วยสะพานฟัน |
ฟันปลอมชนิดติดแน่นด้วยสะพานฟัน สำหรับการใส่ฟันปลอมชนิดติดแน่นด้วยสะพานฟันในตำแหน่งที่ไม่มีฟันหรือฟันได้ถูกถอนออกไปนั้น
คุณหมอจะต้องกรอแต่งฟันธรรมชาติที่อยู่ด้านข้างตำแหน่งฟันที่ว่างนั้นก่อน แล้วจึงใส่ชิ้นฟันปลอมโดยใช้ฟันธรรมชาติที่ถูกกรอเป็นหลักยึดฟันปลอมไว้
ความยุ่งยากอาจเพิ่มขึ้นถ้าฟันมีการล้มเอียง คุณหมออาจต้องกรอฟันมากขึ้น
บางทีฟันจริงที่ใช้เป็นหลักยึดอยู่ในสภาพไม่พร้อมก็ต้องรักษารากฟันก่อน ช่องว่างฟันแคบหรือกว้างเกินไปนี่ก็เป็นอุปสรรคในการทำได้เช่นกัน
กรณีฟันธรรมชาติข้างเคียงไม่สามารถเป็นหลักยึดให้ฟันปลอมได้ คุณหมออาจแนะนำทำฟันปลอมรากฟันเทียมของซี่ข้างเคียงเพื่อใช้เป็นฐานรองรับสะพานฟันก่อน
แต่ราคาก็จะอัพตามไปด้วย ถ้าคนไข้จ่ายไม่ไหวก็อาจต้องบอกผ่านวิธีนี้ค่ะ
|
ฟันปลอมรากฟันเทียม |
ฟันปลอมชนิดติดแน่นด้วยรากฟันเทียม ฟันปลอมชนิดนี้ไม่ต้องหาที่ยึดเกาะกับฟันข้างเคียงใดๆ การกรอแต่งฟันข้างเคียงจึงไม่จำเป็น
ตะขอก็ไม่มีมาให้รำคาญใจ
โดยฟันปลอมรากฟันเทียมจะใช้การฝังตัวรากเทียมลงในกระดูกขากรรไกร
จากนั้นก็นั่งรอนอนรออย่างน้อย 3 – 4 เดือน จนกระดูกยึดกับรากเทียมแล้วนั่นแหละ ถึงจะต่อหรือยึดตัวฟันปลอมลงไปทดแทนฟันธรรมชาติที่สูญเสียไป
จะทดแทนฟันซี่เดียว หรือหลายซี่ก็ได้ ไม่เพียงเท่านั้นบางทีคุณหมอก็อาจแนะนำทำฟันปลอมรากฟันเทียมเพื่อใช้เป็นฐานรองรับสะพานฟัน
หรือคนที่ใส่ฟันปลอมทั้งปากแล้วหลวมก็สามารถช่วยเสริมให้ฟันปลอมแน่นขึ้นได้ด้วย
ฟันปลอมรากฟันเทียมจะมีความสวยงามและประสิทธิภาพในการบดเคี้ยวใกล้เคียงฟันธรรมชาติมาก
คุณหมอต้องใช้เวลาและความประณีตในการทำมาก
แถมวัสดุที่ใช้ก็มีราคาสูง ก็ไม่แปลกใจนะว่าทำไมราคาถึงได้แพงกว่าตระกูลฟันปลอมทั้งหมด
ราคาเป็นหลักหลายหมื่นเลยทีเดียว อันนี้ต่อซี่นะคะ (เอิ่ม แอบปาดเหงื่อแป๊บ) แต่ถ้าเทียบกับคุณภาพแล้วก็คงต้องบอกว่าสมราคาล่ะค่ะ
รู้จักฟันปลอมแบบต่างๆ กันไปแล้ว ส่วนว่าจะเชื้อเชิญแบบไหนมาไว้ในปากคงไม่ได้ขึ้นกับการตัดสินใจของคนไข้อย่างเดียว
ต้องฟังทางคุณหมอแนะนำด้วย อย่าดันทุรังว่าชั้นจะเอาแบบนั้นแบบนี้
ถ้าคุณหมอแนะนำหลายแบบ ถึงตอนนั้นค่อยตัดสินใจเลือกสิ่งที่เหมาะกับตัวคุณ
ถึงจะเป็น “ฟันปลอม” ก็ต้องดูแล
ใส่ฟันปลอมแล้วก็ไม่ใช่ทิ้งๆ ขว้างๆ
ไม่ใส่ใจดูแลรักษาหรือทำความสะอาดนะคะ อย่าคิดว่าไม่ใช่ฟันจริง ไม่ผุไม่กร่อน
ไม่ต้องดูแลมาก ไม่งั้นปัญหาช่องปากอาจจะตามมาอีกเป็นหางว่าว
กรณีฟันปลอมชนิดถอดได้
- ต้องระวังเรื่องการตกหล่นเพราะอาจแตกหักได้
เสียตังค์ไม่พอ ยังต้องเสียเวลามาทำใหม่อีก
- ถอดฟันปลอมออกมาล้างทำความสะอาดด้วยน้ำสะอาด ยาสีฟัน
หรือน้ำสบู่อ่อน ทุกวัน เลือกแปรงสีฟันชนิดขนอ่อนนิ่มในการทำความสะอาด
ฟันปลอมจะได้ไม่สึกกร่อนเร็ว ขณะทำควรมีภาชนะใส่น้ำรองรับเผื่อพลัดหลุดจากมือด้วยจะได้ไม่ตกแตกหรือตะขอบิดเบี้ยว
- ฟันธรรมชาติที่เหลืออยู่ยังคงต้องใส่ใจทำความสะอาดเหมือนเดิมค่ะ
- ควรถอดฟันปลอมก่อนนอนทุกวัน เพื่อให้เนื้อเยื่อใต้ฟันปลอมได้พักบ้าง
ถ้าใส่ฟันปลอมกดทับอยู่ตลอด 24
ชั่วโมง อาจทำให้เนื้อเยื่อเกิดการอักเสบได้
- แช่ฟันปลอมไว้ในภาชนะบรรจุน้ำสะอาด ที่ต้องแช่น้ำไว้เพราะถ้าทิ้งฟันปลอมให้โดนอากาศจะทำให้ฐานพลาสติกแห้งและบิดงอได้
และห้ามแช่ฟันปลอมในน้ำร้อนเพราะอาจบิดงอได้เช่นกัน
- ทุกเช้าก่อนสวมฟันปลอมควรแปรงเหงือก
ลิ้น และเพดานปากด้วยแปรงสีฟันขนอ่อนนุ่ม เพื่อขจัดคราบจุลินทรีย์และกระตุ้นการไหลเวียนเลือด
- ถ้าฟันปลอมหลวม
หรือแตก หัก บิ่น ควรปรึกษาคุณหมอฟัน อย่าเอากาวซ่อมเอง
กรณีฟันปลอมชนิดติดแน่น แปรงเหมือนฟันปกติ
แต่ให้พิถีพิถันบริเวณคอฟันเป็นพิเศษโดยเฉพาะขอบฟันซี่ที่ครอบด้วยฟันปลอม
แนะนำใช้ไหมขัดฟันเพื่อขจัดแผ่นคราบจุลินทรีย์บริเวณซอกฟัน
พบหมอฟันทุก 6 เดือน
ถึงจะเป็นของปลอมแต่ใช่ว่าจะคงทนไปตลอด
วันหนึ่งก็ต้องเสื่อม หมดอายุการใช้งาน แตก หัก บิดเบี้ยว หลวมกันบ้างล่ะ
แล้วไหนจะปัญหาในช่องปากที่อาจเกิดจากการใส่ฟันปลอมอีกล่ะ เช่น ฟันผุ
หรือเหงือกอักเสบจากการที่ฟันปลอมไปถูไปกดเหงือกหรือเนื้อเยื่อในปาก ปัญหาที่หลายคนนึกไม่ถึงอย่างการยุบตัวของสันเหงือกซึ่งต้องแก้ด้วยการเสริมฐานฟันปลอมก็อาจเกิดขึ้นได้
เห็นมั้ยคะไม่ใช่ว่าใส่แล้วจบนะ คนไข้จึงควรไปพบหมอฟันทุก 6 เดือน หรืออย่างน้อยก็ปีละครั้ง
อย่าร้อนใจถ้ายังไม่ชิน
แหงล่ะ...ใส่แรกๆ
ก็ต้องไม่ชินเป็นธรรมดา โดยเฉพาะฟันปลอมชนิดถอดได้ อย่างฟันปลอมติดแน่นไม่ค่อยเป็นปัญหาเพราะคล้ายฟันธรรมชาติมาก
ยิ่งฟันปลอมรากฟันเทียมนี่เนียนจริง แต่ฟันปลอมชนิดถอดได้ใครใส่แรกๆ ก็มักมีความรู้สึกว่าเทอะทะ
หลวมไม่กระชับ ใส่แล้วรู้สึกแปลกๆ บางทีจะกินจะพูดมันไม่ถนัดปาก ก็อย่าเก็บมากังวล
เพราะโดยธรรมชาติแล้วกล้ามเนื้อแก้มและลิ้นจะค่อยๆ สร้างความเคยชินในการประคองฟันปลอมเอาไว้อยู่แล้ว
ถ้าตัวคนไข้เองค่อยๆ ฝึกค่อยๆ ปรับ เมื่อผ่านไปสักระยะฟันปลอมก็จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของปากที่ไม่สร้างความหนักใจอีกต่อไปค่ะ