วันจันทร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2558

รีแพร์...รีเซต “เซ็กซ์”

        ชีวิตคู่จะราบรื่น “เซ็กซ์” ก็เป็นเรื่องจำเป็นนะเออ ถ้าเซ็กซ์เริ่มกร่อย คุณสามีเริ่มบ่นล่ะว่า ช่วงล่างหลวมไม่กระชับ คุณภรรยาต้องแอบมีหวั่นใจบ้างล่ะ เชื่อว่ามีไม่น้อยที่คิดพึ่ง “รีแพร์” เพื่อให้ช่องคลอดกลับมากระชับเหมือนเดิม แต่ก่อนจะขึ้นขาหยั่งให้คุณหมอลงมีด มาทำความรู้จักรีแพร์กันหน่อยเป็นไร



Do It Yourself ทำเองก่อนไหม
บางทีก่อนที่คุณจะตัดสินใจเซย์เยสทำรีแพร์ คุณก็สามารถแก้ไขช่องคลอดให้กลับมากระชับด้วยตัวเองได้อยู่นะ โดยการฝึกขมิบช่องคลอดนั่นเองค่ะ ทำได้ทุกที่ทุกเวลา ไม่เสียตังค์ 555 แต่ต้องทำอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 3-6 เดือน ถึงจะเริ่มเห็นผล ถึงกระนั้นหลายคนก็ยังรู้สึกว่าความกระชับยังเพิ่มขึ้นได้ไม่มากพอ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องพึ่งรีแพร์เป็นสเต็ปต่อไปแล้วล่ะ
รีแพร์ช่วยให้กลับมาฟิตปั๋งได้ยังไงฟัง
คุณหมอจะผ่าตัดกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อที่หย่อนยานในช่องคลอดออกซึ่งจะทำตลอดความยาวทั้งหมดของช่องคลอด พร้อมกับตัดผิวหนังบริเวณปากช่องคลอดออกด้วยเพื่อให้ขนาดหรือเส้นผ่านศูนย์กลางของช่องคลอดเล็กลง และส่วนใหญ่คุณหมอจะทำการผ่าตัดฝีเย็บไปด้วยเลย ก็ไหนๆ ทำแล้วนี่เนอะก็เก็บซะให้เรียบ อ่านแล้วมีเสียว เดี๋ยวนี้มีการนำเลเซอร์มาใช้ในการทำ จึงช่วยลดการสูญเสียเลือดและความบอบช้ำของเนื้อเยื่อลงได้มาก


รีแพร์...ไร้แผล
เราอาจเคยชินกับเลเซอร์กระชับผิวโดยไม่เกิดบาดแผล แล้วเป็นไงล่ะ เดี๋ยวนี้มีการนำแสงเลเซอร์แบบไม่มีบาดแผล (Incisionless Laser Vaginal Tightening - ILVT) มาใช้ในการกระชับช่องคลอดกันแล้ว โดยแสงเลเซอร์จะไปช่วยทำให้มีการหดตัวของคอลลาเจนในช่วงแรก และจะกระตุ้นให้มีการสร้างคอลลาเจนรอบๆผนังช่องคลอดในระยะต่อมา ทำให้ผนังช่องคลอดมีความหนามากขึ้น เส้นผ่าศูนย์กลางของช่องคลอดเล็กลง ความกระชับที่เกิดขึ้นนี้จะค่อยเป็นค่อยไปแบบเป็นธรรมชาติ
หลังทำจะไม่มีแผลผ่าตัดที่ผนังช่องคลอดเลย จึงไม่เกิดภาวะแทรกซ้อนแบบการผ่าตัดใช้มีดหรือเลเซอร์ อย่างมีเลือดออกจากแผล, แผลติดเชื้อ เป็นต้น อาจรู้สึกตึงๆบริเวณช่องคลอดเพียงเล็กน้อย บางคนอาจไม่มีอาการอะไรเลย ช่วงพักฟื้นงดทำเรื่องอย่างว่าประมาณ 1 เดือน ระยะเวลาสั้นกว่าผ่าตัดแบบเดิมที่ต้องงดถึง 2 เดือน ดูมีข้อดีเยอะแยะ แต่วิธีนี้ก็มีข้อจำกัดตรงที่ความกระชับที่ได้จะขึ้นอยู่กับกระบวนการสร้างคอลลาเจนของแต่ละคนด้วย ผลที่ได้จึงอาจไม่เท่ากัน เดี๋ยวจะวีนว่าทำไมชั้นไม่ฟิตเท่าคนนู้นคนนี้

ขอบคุณภาพ : โรงพยาบาลยันฮี

หลังทำคงความกระชับได้นานแค่ไหน
เจ็บตัวทั้งทีคุณผู้หญิงก็คงอยากให้ความกระชับคงอยู่ไปนานๆ แต่ก็เป็นไปไม่ได้ เพราะมีหลายปัจจัยที่ทำให้ผนังช่องคลอดกลับมาหย่อนคล้อยได้อีก บางคนแค่ 1 -2 ปีก็หย่อนคล้อยล่ะ บางคนอาจนาน 4-5 ปี แต่ก็มีบางคนคงอยู่ถึง 7-8 ปีเลยก็มี ซึ่งการที่ผนังช่องคลอดจะกลับมาหย่อนคล้อยซ้ำเร็วหรือช้าขึ้นกับปัจจัยต่อไปนี้ค่ะ
ถ้าหลังผ่าตัดคุณมีพฤติกรรมเหล่านี้เป็นประจำ เช่น ท้องผูก, ไอจาม (จากภูมิแพ้), ยกของหนัก (จากอาชีพ) เป็นต้น ก็จะทำให้ผนังช่องคลอดกลับมาหย่อนคล้อยซ้ำเร็วขึ้น เนื่องจากพฤติกรรมดังกล่าวจะไปเพิ่มความดันภายในช่องท้อง และแรงที่มากระทบกับผนังช่องคลอด
-   ถ้ารังไข่ยังคงผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจนเป็นปกติ ระดับของฮอร์โมนตัวนี้ในร่างกายยังสูง ก็อุ่นใจได้ว่า ผนังช่องคลอดจะมีความหนานุ่ม ชุ่มชื้น และมีความยืดหยุ่นดี แต่ถ้าระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนต่ำลง ก็เตรียมใจเลยค่ะ เพราะผนังช่องคลอดจะบาง แห้งไม่ยืดหยุ่นและเกิดการหย่อนคล้อยขึ้น ซึ่งตรงจุดนี้คงต้องบอกว่า ไม่มีใครสามารถทำนายได้ว่า หลังทำรีแพร์ไปแล้ว รังไข่ของแต่ละคนจะเป็นอย่างไร หรือกี่ปีระดับฮอร์โมนจึงจะเริ่มลดลง แต่โดยปกติระดับฮอร์โมนเพศจะลดลงเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น


-  ถ้าในกระบวนการหายของแผลที่ช่องคลอดจากการทำรีแพร์มีการสร้างคอลลาเจนมาก ผนังช่องคลอดก็จะมีความยืดหยุ่น ความกระชับอยู่ได้นาน แต่ถ้าสร้างคอลลาเจนได้น้อย ความตึง ความกระชับของช่องคลอดก็จะน้อยตามไปด้วย  ซึ่งความแตกต่างตรงนี้ก็จะทำให้ความหย่อนคล้อยของผนังช่องคลอดเกิดช้าเร็วไม่เท่ากัน
ก็ต้องทำใจอะนะ ถ้าปัจจัยไหนควบคุมไม่ได้ เช่น ระดับฮอร์โมน หรือการหายของบาดแผล ที่ทำได้ก็เห็นจะเป็นไอ้พวกพฤติกรรมต่างๆ นั่นแหละ ถ้าปรับเปลี่ยนได้ก็จะช่วยชะลอความหย่อนคล้อยได้ในระดับหนึ่งค่ะ



วันพุธที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2558

เซ็กซ์ไร้สุข

        วุ้ย ตอนนี้จะพูดเรื่องใต้สะดือมั่ง ก็เกี่ยวกับ “เซ็กซ์” ไง แหม่...หูผึ่งกันเลยล่ะสิ 555 จริงๆ แล้วเซ็กซ์เป็นเรื่องธรรมชาติว่าปะ คู่รักทุกคู่เวลากุ๊กกิ๊กๆ กันก็อยากให้เซ็กซ์สุขสม แต่บางทีอะไรก็อาจไม่เป็นอย่างใจหวัง ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอาจไม่มีความสุข ทั้งที่มันควรจะเป็นช่วงเวลาที่ควรมีความสุขร่วมกัน ขืนเป็นยังงี้เห็นทีความสัมพันธ์คงจะไปไม่รอดเป็นแน่ แล้วอะไรที่เป็นอุปสรรคให้หญิงหรือชายมีเซ็กซ์ที่ไร้สุขได้มั่ง ขอหยิบปัญหาที่พบบ่อยมาฝากกันค่ะ



เล้าโลมไม่พอ
ปัญหานี้ผู้หญิงแอบยกมือเห็นด้วย อย่างพวกผู้ชายน่ะ เป็นเพศที่ตื่นตัวไว แม้จะเกิดอารมณ์เพียงเล็กน้อย ไอ้หนูก็พร้อมจะแข็งตัวได้ทันที และพร้อมจะมีอะไรอย่างว่าได้เลย ผิดกับผู้หญิงที่เป็นพวกเครื่องร้อนช้า ยิ่งจะไปถึงจุดสุดยอดด้วยแล้วบอกเลยยากมาก ถ้าผู้หญิงคนไหนไปเจอคู่รักที่ไม่เข้าใจตรงจุดนี้ คิดว่าเมื่อตนเองเกิดความรู้สึกแล้ว ผู้หญิงจะเกิดความรู้สึกด้วย คือไม่เข้าใจธรรมชาติเซ็กซ์ของผู้หญิงนั่นแหละ แล้วก็ผลีผลามกับเรื่องอย่างว่า เชื่อเหอะผู้หญิงร้อยทั้งร้อยคงรู้สึกว่าเซ็กซ์เหมือนยาขม วิธีแก้ทำได้ไม่ยาก ฝ่ายชายจะต้องไม่เอาตนเองเป็นที่ตั้ง เมื่อผู้หญิงเป็นประเภทเครื่องร้อนช้าจุดติดยาก ก็ต้องใช้เวลาในการเล้าโลมที่นานพอ เพื่อให้ผู้หญิงเกิดความพร้อมทั้งด้านร่างกายและจิตใจ ก็จะทำให้เรื่องกุ๊กกิ๊กของคุณไม่เป็นการสนุกอยู่ฝ่ายเดียวค่ะ


ความกลัวในใจ
        เป็นสาเหตุที่พบบ่อยสำหรับผู้หญิง ทำให้เกิดอาการกลัวเซ็กซ์ มีหลายรูปแบบ อาทิ มีความรู้สึกฝังใจ เกลียดกลัวเพศตรงข้ามซุกซ่อนอยู่ในจิตใต้สำนึก ขนาดผู้ชายมาสัมผัสตัวยังรู้สึกรังเกียจ แล้วเวลามีเซ็กซ์จะมีสุขได้ยังไงจริงมั้ย บางคนกลัวเจ็บเวลาร่วมรักก็มี กลัวชนิดเกร็ง พอเกร็งก็เจ็บ บางคนกลัวการตั้งครรภ์ ทำให้ไม่มีความสุขหรืออารมณ์อยากร่วมรัก มีเหมือนกันที่ถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เด็กว่า เซ็กซ์เป็นของสกปรก เซ็กซ์เป็นของไม่ดี เวลามีเซ็กซ์เลยมีความรู้สึกผิดตลอดเวลา เป็นต้น  พวกผู้ชายก็ใช่ว่าจะแน่เรื่องเซ็กซ์เสมอไป บางคนก็มีความกลัวฝังอยู่ในใจ ทำให้เซ็กซ์สะดุดได้ เป็นต้นว่า อาจได้รับการสั่งสอนหรือการปลูกฝังเรื่องเพศมาอย่างผิดๆ  มีความกังวลเกี่ยวกับขนาดของอวัยวะเพศว่ามีขนาดเล็กและจะให้ความสุขแก่คนรักไม่ได้เต็มที่
ความกลัวการมีเซ็กซ์เหล่านี้มักเป็นปัญหาที่ซุกซ่อนอยู่ในใจ มองไม่เห็น เข้าใจยาก ขนาดเจ้าตัวเองบางทียังไม่รู้ด้วยซ้ำ ต้องพึ่งนักจิตวิทยาช่วยวิเคราะห์ให้และช่วยกำจัดความกลัวนั้น ถ้าแก้ได้ความหวังที่จะได้สัมผัสความมหัศจรรย์ของเซ็กซ์ก็ไม่ไกลเกินเอื้อมล่ะ


หลั่งเร็ว
        ปัญหาหลั่งเร็วเกิดขึ้นได้กับผู้ชายทุกคน อาจเกิดจากสภาพทางร่างกายหรือจิตใจก็ได้  ผู้ชายบางคนอาจเกิดมาพร้อมกับระบบประสาททางเพศที่ไวเกิน, งดเว้นกิจกรรมทางเพศมานาน, เจอการเล้าโลมที่รุนแรงของคู่นอน หรือแม้แต่การกินยาหรือยาบำรุงบางชนิด ก็ทำให้เกิดอาการหลั่งเร็วได้ แต่สาเหตุส่วนใหญ่มักเกิดจากจิตใจ  เช่น ประสบการณ์แรกในการมีเพศสัมพันธ์หรือการช่วยตัวเองเกิดขึ้นอย่างรีบร้อน ซึ่งปัญหาหลั่งเร็วทำให้เซ็กซ์ไม่ราบรื่นได้ทั้งสองฝ่าย เพราะผู้ชายก็เสียหน้าไม่น้อยที่ติดเครื่องปุ๊บหลั่งปั๊บ ส่วนผู้หญิงยังไม่ทันถึงสวรรค์ผู้ชายก็ชิงเสร็จกิจไปซะก่อน แหม่...เห็นปัญหาคู่รำไรๆ ล่ะ ดังนั้นอย่าปล่อยให้ปัญหายืดเยื้อ ปัญหาหลั่งเร็วสามารถแก้ไขได้หากบำบัดด้วยวิธีที่ถูกต้อง  ก็จะช่วยชะลอการหลั่งให้เนิ่นนานออกไป ทำให้ผู้ชายมีเซ็กซ์อย่างมั่นใจ ลงเอยแบบแฮปปี้เอนดิ้งค่ะ


นกเขาไม่ขัน
ไอ้คำว่านกเขาไม่ขัน ก็หมายถึงอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศของคุณผู้ชายนั่นแหละ พูดภาษาชาวบ้านก็คืออวัยวะเพศแข็งตัวไม่พอที่จะมีเพศสัมพันธ์ อาการนกเขาไม่ขันนี่ทำร้ายจิตใจผู้ชายสุดๆ ใช่แต่จะทุกข์แค่ฝ่ายชายฝ่ายเดียวเสียเมื่อไหร่ ผู้หญิงก็ออกอาการเซ็งเหมือนกันล่ะจ้า
อาการนกเขาไม่ขันเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นได้ อย่างถ้าเหนื่อยอ่อนเพลียจากการเดินทางหรือทำงาน ดื่มเหล้า หรือมีความวิตกกังวล จะให้ขึ้นมาจู้ฮุกกรูก็คงไม่หวายยย แต่กรณียังงี้มักเป็นครั้งคราว ก็ไม่ต้องกังวล เว้นแต่เป็นบ่อย แสดงว่าผิดปกติล่ะ สาเหตุมักเกิดจากความวิตกกังวลของผู้ชาย เช่น กลัวพาผู้หญิงไปสู่จุดสุดยอดไม่ได้ พอกังวลหนักเข้าก็เลยพาลไม่แข็งตัวไปเลย ส่วนสาเหตุอื่นๆ ก็อย่างอายุที่มากขึ้น จะให้แข็งตัวเหมือนสมัยหนุ่ม ๆ ก็คงยากเพราะปริมาณฮอร์โมนเพศลดลง  บางคนมีโรคประจำตัวหรือโรคเรื้อรัง เช่น ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ เบาหวาน ก็อาจทำให้ความต้องการทางเพศลดลงได้
ใครทุกข์ใจอยู่กับปัญหานกเขาไม่ขัน ควรปรึกษาคุณหมอเพื่อหาทางรักษาซะนะคะ คุณหมอก็จะหาว่าสาเหตุเกิดจากอะไรจะได้แก้ไขได้ตรงจุด บางคนต้องไปแก้ที่จิตใจ แก้ที่วิธีคิด บางคนมีโรคทางกายถ้ารักษาโรคนั้นให้ดีขึ้นก็อาการดีขึ้นได้ ถ้ายังไม่ดีก็มีการรักษาทางอื่น เป็นต้นว่า การใช้ยาช่วยให้หลอดเลือดขยาย กระตุ้นให้องคชาตแข็งตัวได้ สำหรับยากินที่เคยฮือฮากันอยู่พักหนึ่งก็อย่าง ไวอากรา (Viagra) ซึ่งยาเหล่านี้จะกินพร่ำเพรื่อไม่ได้ต้องให้หมอสั่งเท่านั้น หรือใช้อุปกรณ์พิเศษบางอย่างช่วยให้องคชาตแข็งตัว ก็ต้องพึ่งหมออีกนั่นแหละ สรุปว่าปรึกษาหมอดีที่สุด


        แหม่...คุณผู้ชายยกมือเลยจ้า ผู้หญิงเค้าก็ใช่อยากนะ แต่ถ้าใช้งานมามาก เคยผ่านการคลอดลูก วัยที่มากขึ้น ก็ทำให้ช่องคลอดหลวม หย่อนยานได้ ก็ต้องกระทบกับการมีเซ็กซ์มั่งล่ะ อันนี้แก้ไม่ยาก ผู้หญิงควรหมั่นบริหารกล้ามเนื้อช่องคลอด ด้วยวิธีการขมิบช่องคลอดบ่อยๆ ก็ช่วยให้ช่องคลอดกลับมากระชับได้ในระดับหนึ่ง ยิ่งขยันทำก็ยิ่งกระชับนะเออ แต่ถ้ากล้ามเนื้อมันหย่อนยานมาก การขมิบก็คงช่วยอะไรไม่ได้มาก ก็ต้องปรึกษาคุณหมอทำรีแพร์ หรือที่เรียกว่าการผ่าตัดทำสาวค่ะ




วันอังคารที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2558

ศัลยกรรมหัวนม...แอบงงล่ะสิ

        ถึงจะเป็นจุดที่ไม่มีใครเห็น แต่ตัวเองก็เห็นอยู่ทนโท่อะนะ แล้วถ้ามีแฟนล่ะ หากมีอะไรกันเค้าก็ต้องเห็นอะดิ วั้ยยย กลุ้มใจกับปัญหาหัวนมหรือปานนมไม่สวยจริงจริ๊งง...เฮ้อ



        เข้าใจสาวๆ ที่รักสวยรักงามดีค่ะ ต่อให้เป็นจุดซ่อนเร้นขนาดไหน ก็ทำใจลำบากเนอะ แต่แอบเห็นใจเบาๆ ค่ะ ไม่ใช่อะไร เพราะหัวนมหรือปานนมที่ไม่สวยสามารถแก้ไขให้สวยขึ้นได้ ว้าว เป็นไงล่ะ ธรรมดาซะที่ไหนศัลยกรรมสมัยนี้ แต่ก่อนจะไปดูว่าจะแก้ไขกันยังไง ไปดูก่อนว่าที่ว่าหัวนมหรือปานนมไม่โอเคมีแบบไหนมั่ง
ปัญหาที่หัวนม เช่น ใหญ่ไปหรือยาวไป (มักเกิดจากการให้นมบุตร), หัวนมบอด 
ปัญหาที่ปานนม เช่น ใหญ่เกินไป (มักเกิดตามมาหลังการตั้งครรภ์), ปานนมผิดรูป 


การแก้ไขปัญหาหัวนม
กรณีที่หัวนมใหญ่และยาวเกินไป  รักษาได้ 4 วิธี ดังนี้
วิธีที่1 เลือกตำแหน่งเพื่อกำหนดขนาดของหัวนมที่ต้องการ จากนั้นจะลอกหนังส่วนล่างออกจนถึงฐาน  แล้วจึงเย็บกลับคืน  ผลที่ได้คือ หัวนมจะมีขนาดเล็กและสั้นลง
วิธีที่ 2 ผ่าตัดแบ่งหัวนมออกเป็นครึ่งก่อน แล้วจึงเย็บกลับคืน  จะทำให้หัวนมเล็กและสั้นลง
วิธีที่ 3 หากมีหัวนมสั้นอยู่แล้ว แต่ขนาดใหญ่เกินต้องการ จะใช้วิธีตัดออกและเย็บให้เล็กลง
วิธีที่ 4  หากมีหัวนมยาวอย่างเดียว แพทย์จะวัดระยะความยาวที่ต้องการก่อน  จากนั้นจะลอกหนังส่วนล่างออกจนถึงฐานแล้วจึงเย็บกลับคืนเข้าไป
กรณีมีหัวนมบอด  รักษาได้ 2 วิธี ดังนี้
วิธีที่ 1 ดึงหัวนมขึ้นแล้วผ่าตัดลงไปบริเวณฐานของหัวนม  จากนั้นเลาะยืดพังผืดและท่อนมขึ้น  แล้วจึงเย็บรวมที่ฐานของหัวนมให้เล็กลงก่อนจะเย็บปิด
วิธีที่ 2  ผ่าตัดเข้ากลางหัวนมเพื่อเข้าไปตัดเอาพังผืดหรือท่อนมส่วนที่ดึงรั้งอยู่ออกแล้วจึงเย็บกลับคืน

การแก้ไขปัญหาปานนมใหญ่เกินไป
การผ่าตัดลดขนาดปานนม แพทย์จะวัดขนาดที่ต้องการก่อน  จากนั้นตัดส่วนที่ไม่ต้องการออก  แล้วจึงเย็บรวบกันเข้ามา  ในระยะแรกหลังผ่าตัดจะเห็นรอยเย็บเป็นจีบๆ จากนั้นประมาณ 3 เดือน จีบที่เห็นจะค่อยๆ ลบเลือนและกลับมาเนียนเรียบเหมือนธรรมชาติ

การผ่าตัดไม่ยุ่งยาก
         - ใช้เวลาผ่าตัดประมาณ 1-2 ชั่วโมง
             -  ทำผ่าตัดแบบผู้ป่วยนอกได้เลยโดยไม่ต้องนอนโรงพยาบาล

ฝากไว้ให้สบายใจ
เนื่องจากบริเวณหัวนมและปานนมมีเส้นประสาททั้งจากบริเวณส่วนกลางของหน้าอกและด้านข้างสานกันเป็นตาข่ายจำนวนมากทำให้มีความรู้สึกไว  และไม่ค่อยมีปัญหาหมดความรู้สึกหลังผ่าตัดอย่างที่กังวลกันค่ะ




กลัวที่ไหน...หัวนมบอด

        จะว่าไปหัวนมบอดไม่ใช่ปัญหาร้ายแรงคือไม่ได้มีอันตรายอะไรต่อสุขภาพ ปัญหามันจะบังเกิดก็อีตอนมีลูกแล้วนั่นแหละ ลูกดูดนมยากพาลไม่ดูด ทำให้ต้องหันไปพึ่งนมผสมแทน ซึ่งคุณแม่ที่อยากเลี้ยงลูกด้วยนมตัวเองอาจรู้สึกเฟล ก็อย่าเพิ่งกังวลค่ะ หัวนมบอดแก้ไขได้
  
  
หัวนมบอดคืออะไร
หัวนมแบนหรือหวำยุบหายเข้าไปในเต้านมไม่สามารถโผล่ขึ้นมาเหมือนหัวนมปกติ


สาเหตุ เกิดจากมีพังผืดมาดึงรั้งหัวนมหรือผิวหนังบริเวณลานหัวนมหนาและมีความตึงตัวดึงรั้งหัวนมให้หดสั้นลง
วิธีตรวจสอบ ใช้นิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้บีบเบา ๆ บริเวณลานหัวนมห่างจากหัวนมประมาณ 1 นิ้ว ถ้าหัวนมบอด หัวนมจะหดสั้นและจมลงไป
การแก้ไขหัวนมบอด
        หลักการ ทำให้พังผืดและผิวหนังบริเวณลานหัวนมยืดหยุ่นดีขึ้นก็จะไม่ไปดึงรั้งหัวนมอีกต่อไป
ช่วงเวลา ควรแก้ไขตั้งแต่ช่วงตั้งครรภ์ ซึ่งช่วงนี้ผิวหนังจะมีความยืดหยุ่น ทำให้การแก้ไขได้ผลดี อีกอย่างการแก้ไขต้องใช้เวลา ถ้ารอจนคลอดจะไม่ทันค่ะ
วิธีแก้ไข
1. ใช้ Breast shell  ทำจากพลาสติกใสเป็นรูปทรงกลมมี 2 ชิ้น แกะออกจากกันได้ ชิ้นแรกจะมีรูตรงกลางให้หัวนมยื่นออกมาจากฐาน ส่วนอีกชิ้นเป็นโดมทรงกลมที่มีรูเล็ก ๆ เพื่อระบายอากาศ


ให้ใส่ Breast shell ระหว่างเต้านมกับเสื้อยกทรงซึ่งจะเกิดแรงกดไปช่วยนวดผิวหนังบริเวณรอบ ๆ ลานนมจนเนื้อเยื่ออ่อนนุ่ม และทำให้หัวนมยื่นยาวออกมาได้ ควรเริ่มใส่ในไตรมาสสุดท้ายของการตั้งครรภ์ วันละ2-3ชั่วโมง เมื่อชินแล้วสามารถเพิ่มเวลาได้ในตอนกลางวัน หลังคลอดให้ใส่ประมาณ 30 นาทีก่อนให้ลูกดูดนม


2. ใช้ที่ปั๊มนม (Breastpump) ใช้สุญญากาศดึงหัวนมที่ผลุบลงไปออกมาโดยตรง และช่วยทำให้พังผืดที่ยึดอยู่ใต้ผิวหนังของฐานหัวนมยืดยานออกได้


3. ใช้ Nipple puller อุปกรณ์คล้ายที่ปั๊มนมแต่ขนาดเล็กกว่าใช้ดึงเฉพาะที่หัวนมโดยตรง ทำข้างละประมาณ 5 - 10 นาทีทุกวันประมาณ 1-3 เดือน จะทำให้หัวนมยาวขึ้นได้


4. ใช้ Evert-it Nipple Enhancer  ลักษณะคล้ายกระบอกฉีดยา ดึงตัวแกนขึ้นเบา ๆ จะเกิดแรงดูดทำให้หัวนมโผล่ขึ้นมา


5. เทคนิคฮอฟแมน (Hoffman technique)
วางหัวแม่มือทั้งสองข้างในทิศทางตรงกันข้ามลงที่ฐานของหัวนมโดยตรงจากนั้นกดนิ้วลงพร้อมกับแยกนิ้วหัวแม่มือออกจากกัน โดยเริ่มทำที่ตำแหน่งซ้ายและขวาก่อน จากนั้นเปลี่ยนเป็นตำแหน่งบนและล่าง นับเป็น 1 ครั้ง ทำข้างละ 30 ครั้งหลังอาบน้ำ ควรทำขณะอายุครรภ์ 25-35 สัปดาห์ และเมื่อเริ่มให้ลูกกินนม


6. Nipple rolling
ใช้นิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้ จับที่โคนหัวนมแล้วยกขึ้นปั่นหัวนมเบา ๆ ประมาณข้างละ 30 ครั้ง จะช่วยกระตุ้นกล้ามเนื้อบริเวณลานนม ทำให้หัวนมยาวขึ้นได้



ข้างต้นเป็นวิธีแก้ไขหัวนมบอดที่คุณสามารถทำได้ด้วยตนเอง แต่จริงๆ แล้วการผ่าตัดรักษาเค้าก็มีนะ ถ้าสนใจตามไปอ่านได้ใน “ศัลยกรรมหัวนม...แอบงงล่ะสิ” ตอนถัดไปค่ะ


ขอบคุณข้อมูล  : วารสารพยาบาลทหารบก ปีที่ 13 ฉบับที่ 2 (พ.ค. – ส.ค.) 2555
ขอบคุณภาพประกอบ  : http://www.medela.com http://expressing-mama.com
                                         http://www.healthcare.philips.com,  http://www.chomp.org
                                         http://www.babycenter.comhttp://www.babydash.com.my

                                         http://www.amazon.com/gp/product/B0002VPXVI?tag=au001-20

วันพุธที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2558

จะเช็คสุขภาพทั้งที....ศึกษาให้ดีก่อน

คงไม่มีใครเถียง...ความไม่มีโรค เป็นลาภอันประเสริฐ...คำกล่าวนี้จริงซะยิ่งกว่าจริง แต่ใครล่ะที่จะไม่เจ็บป่วย คงต้องเป็นมนุษย์พันธุ์พิเศษประเภทซูเปอร์ฮีโร่แล้วล่ะ เพราะถึงจะดูแลสุขภาพร่างกายดียังไง อะไรที่ว่าดีต่อสุขภาพทำหมดทุกอย่าง แต่ยังไงซะอายุมันก็ต้องมากขึ้นสังขารย่อมจะเสื่อมถอยอยู่ดีจนโรคนู้นโรคนี้มาเยือน   แต่จริงๆ แล้วมันจะมีซักกี่คนที่จะดูแลตัวเองได้แบบเพอร์เฟคสุดๆ เช่น กินแต่อาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ อยู่ในสิ่งแวดล้อมดีอากาศถ่ายเทสะดวก ไม่เครียด พักผ่อนนอนหลับเต็มที่ บลาๆๆๆ โอ๊ย บอกเลยค่ะว่า...ยากส์ ไหนจะกรรมพันธุ์อีกล่ะ ที่เข้ามามีเอี่ยวด้วยในหลายๆ โรค คนเราจึงมีโอกาสเจ็บป่วยหรือเป็นโรคต่างๆ ได้



ถ้าป่วยแล้วร่างกายแสดงอาการ เช่น มีไข้ ปวดหัว ปวดท้อง เป็นผื่น ฯลฯ ก็หาหยูกยากินหรือไปหาหมอได้ แต่ทีนี้บางคนโรคมันซ่อนเร้นอยู่ อาจจะเป็นเพราะยังเป็นน้อยอยู่จึงยังไม่แสดงอาการ ดูภายนอกจึงดูแข็งแรงดี แต่ถ้าไม่รู้ตัวจนโรคเป็นมากแล้ว ซึ่งบางโรคหากแสดงอาการก็อาจเกินเยียวยาแล้ว ด้วยเหตุนี้แหละทำให้คนหันมา ตรวจสุขภาพ กันมากขึ้นจนกลายเป็นเทรนด์ฮิตพอสมควร ถ้าตรวจแล้วเจออะไรที่มันผิดปกติ จะได้หาทางรับมือได้แต่เนิ่นๆ หลายโรครู้ตัวเร็วก็ง่ายต่อการรักษา โดยเฉพาะโรคร้ายอย่างมะเร็ง โอกาสรักษาหายขาดก็มีสูง 
   
       
การตรวจสุขภาพควรทำเป็นประจำอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง ถึงได้เรียกว่า “การตรวจสุขภาพประจำปี” ยังไงล่ะคะ โดยทั่วไป อายุที่แนะนำให้เริ่มตรวจคือ ตั้งแต่ 30 ปีขึ้นไป อาจเพราะคนวัยหนุ่มสาวที่อายุยังน้อยเป็นวัยที่แข็งแรงไม่ค่อยมีโรคภัยไข้เจ็บ แต่บาง รพ. ก็มีแพ็คเกจตรวจสุขภาพในคนกลุ่มวัย 20 ปีขึ้นไปด้วยเหมือนกัน เพราะถึงยังไงก็ไม่ใช่ทุกคนในวัยนี้จะแข็งแรงไปซะหมด ก็เป็นทางเลือกที่ต้องพิจารณากันเอาเองค่ะ


การตรวจสุขภาพประจำปี ปกติ รพ. จะมีแพ็คเกจตรวจสุขภาพตามช่วงอายุ ซึ่งแต่ละช่วงอายุจะมีรายการตรวจไม่เท่ากัน ถ้าอายุยังน้อยมักจะตรวจไม่กี่รายการ แต่ถ้าอายุเยอะขึ้นรายการตรวจก็มักจะเยอะตาม เพราะมีหลายโรคที่เกิดขึ้นได้ตามวัยที่เปลี่ยนแปลงไป อย่างเช่น คุณผู้ชายที่มีอายุตั้งแต่ 45 ปีขึ้นไป ก็มักจะเพิ่มการตรวจ มะเร็งต่อมลูกหมาก เข้าไปด้วยอย่างงี้เป็นต้น ดังนั้น ถ้าไปเห็นโปรแกรมตรวจในคนที่อายุเยอะ เช่น อายุ 50 ปีขึ้นไป แล้วมีรายการตรวจยาวเหยียด ก็ไม่ต้องตกใจ ร่างกายมันเข้าวัยร่วงโรยแล้วโอกาสที่จะเป็นโรคต่างๆ ก็มีมากขึ้นจึงต้องตรวจให้ครอบคลุม คนที่อายุน้อยก็เลือกโปรแกรมตามอายุตัวเองไป จะได้ไม่เสียค่าตรวจกันบานตะไทโดยไม่จำเป็น สรุปว่าควรเลือกโปรแกรมตรวจที่เหมาะสมกับช่วงอายุของแต่ละคน เว้นแต่ว่ายินดีจ่าย อันนี้ทาง รพ. ก็คงไม่ขัดข้อง


จะว่าไปโปรแกรมพื้นๆ อย่างการตรวจสุขภาพประจำปีเนี่ย โรงพยาบาลไหนก็มีอะนะ แถมขยันออกแคมเปญมาจูงใจลูกค้ากันอยู่เนืองๆ แต่ก็อย่างว่าล่ะนะ ปัญหาสุขภาพมันมีร้อยแปด โปรแกรมตรวจสุขภาพที่ รพ.มีไว้บริการลูกค้าจึงไม่ได้มีแค่โปรแกรมตรวจสุขภาพประจำปีเท่านั้น บางทีคนไข้ต้องการตรวจอะไรที่มันเฉพาะเจาะจงก็มี เช่น ตรวจหาโรคที่อาจเป็นอุปสรรคกับชีวิตคู่หรือลูกที่จะเกิดมา ก็จะมีโปรแกรมตรวจพิเศษอย่างโปรแกรมตรวจสุขภาพก่อนแต่งงาน หรือคนที่มีภาวะเสี่ยงที่จะเป็นบางโรคมากกว่าคนอื่น เช่น เบาหวาน, หัวใจ, มะเร็ง ฯลฯ ก็จะมีโปรแกรมตรวจคัดกรองตามภาวะเสี่ยงเหล่านั้น อาทิ โปรแกรมคัดกรองเบาหวาน, โปรแกรมคัดกรองมะเร็ง, โปรแกรมคัดกรองโรคหัวใจ เป็นต้น ซึ่งพวกโปรแกรมพิเศษเหล่านี้ควรพูดคุยกับคุณหมอก่อน จะได้ตรวจตามความจำเป็นที่เป็นอยู่จริงๆ


สุดท้ายก่อนจาก...จะตรวจโปรแกรมไหน ก็ควรสอบถามเจ้าหน้าที่ให้ชัดเจนด้วยล่ะ ว่าต้องเตรียมตัวก่อนตรวจอย่างไรเพื่อให้ได้ผลการตรวจที่ถูกต้อง ต้องงดน้ำงดอาหารมั้ย หรืองดอาหารแต่ดื่มน้ำได้ งดกี่ชั่วโมง 6 ชั่วโมง หรือ 12 ชั่วโมง ต้องถอดคอนแทคเลนส์ก่อนมาตรวจกี่วัน ฯลฯ บางคนทะเล่อทะล่ามาจะขอตรวจโดยไม่ได้เตรียมตัวอะไรมาเลย ก็จะเสียเวลาซะเปล่าๆ จะมาพาลหงุดหงิดไม่ได้นะ เราเตือนคุณแล้วนะคะ

วันอังคารที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2558

ตรวจก่อนแต่ง

     

     ให้ตรวจร่างกายก่อนแต่งงานบางคนบอกมันฟังดูทะแม่งๆ ยังไงไม่รู้ เหมือนเป็นคนรักกันแล้วไม่เชื่อใจกัน ต้องตรวจเลือด ตรวจโน่นนั่นนี่สารพัด จะว่ายังงั้นก็ไม่ถูกซะทีเดียว เพราะสมัยนี้สังคมค่อนข้างฟรีเซ็กซ์ บางคนมีเซ็กซ์แบบไม่ป้องกัน โอกาสเสี่ยงติดโรคก็มีสูง ถ้าไปลองส่องโปรแกรมตรวจร่างกายก่อนแต่งที่หลายๆ โรงพยาบาลต่างเข็นแพคเกจออกมาเรียกลูกค้า ก็มักจะมีรายการตรวจโรคที่รู้ก่อนก็ดีนะอย่างเช่น การตรวจหาเชื้อ HIV, ซิฟิลิส, หาเชื้อหรือภูมิไวรัสตับอักเสบบี โรคเหล่านี้มันติดต่อทางเพศสัมพันธ์ไง ถ้าเจอว่าเป็นก็คงต้องมาตั้งหลักกันล่ะว่าจะเอายังไงต่อ หรือบางโรคที่รักษาหายได้ก็ต้องรีบรักษาก่อนเลยอย่างซิฟิลิส หรือคนเป็นไวรัสบีถ้าอีกฝ่ายไม่เป็นแล้วยังไม่มีภูมิคุ้มกันจะฉีดวัคซีนป้องกันอะไรก็ว่ากันไป ถ้ามีภูมิคุ้มกันแล้วก็หายห่วง หรือรู้แล้วว่าเป็นจะป้องกันยังไงไม่ให้ไปติดลูกตอนเกิดก็ต้องเตรียมกันแต่เนิ่นๆ

        หรืออย่างการตรวจโรคธาลัสซีเมียนี่ก็จำเป็นอยู่นะ โรคนี้เป็นโรคที่ถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์ คนที่มีโรคนี้แฝงอยู่ไม่รู้ตัวก็มี ถ้ารู้ก็จะได้ขอคำแนะนำจากคุณหมอว่าควรทำยังไง จะมีลูกได้มั้ย ดีกว่าไม่รู้แล้วปัญหามาแตกโพละเอาตอนมีลูก เดี๋ยวได้ทะเลาะกันหรือโทษกันไปมา จะพาลชีวิตคู่ระหองระแหงซะเปล่าๆ

       

       ที่สำคัญอีกตัวที่มักมีในโปรแกรมตรวจก็คือ การตรวจหาภูมิคุ้มกันหัดเยอรมัน อันนี้สำหรับคุณผู้หญิงเท่านั้นค่ะ เพราะโรคนี้น่ากลัวสำหรับคนท้อง ในคนทั่วไปสุขภาพแข็งแรงดีโรคนี้ไม่น่ากลัวอะไร แต่ถ้าเกิดท้องขึ้นมาแล้วดันติดเชื้อนี้ในช่วง 3 เดือนแรกนี่มีหนาวเลยนะ เพราะช่วงนี้ตัวอ่อนกำลังสร้างอวัยวะ เด็กเกิดมาอาจพิการได้ ถ้าเป็นยังงั้นจริงพ่อแม่มีใจสลายชัวร์ แต่ก็ยังโชคดีที่โรคนี้มีวัคซีนป้องกัน ถ้าตรวจแล้วไม่มีภูมิไม่อยากเสี่ยงก็ฉีดสร้างภูมิซะ แต่เวลาฉีดที่เหมาะสมควรฉีดก่อนแต่งงานอย่างน้อย 3 เดือน เผื่อให้ภูมิคุ้มกันมันขึ้น แล้วจะปล่อยให้ท้องทีนี้ก็จะได้หมดห่วง

      ส่วนการตรวจอื่นๆ ก็เป็นการตรวจทั่วๆ ไป เพื่อจะเช็คความสมบูรณ์แข็งแรงของร่างกาย เช่น ตรวจเลือดดูความสมบูรณ์ของเลือด ดูกรุ๊ปเลือด ตรวจปัสสาวะ อะไรประมาณนี้ ส่วนการตรวจร่างกายทั่วไปรวมไปถึงตรวจอวัยวะเพศด้วยว่าปกติหรือเปล่านี่เป็นพื้นฐานเลยที่คุณหมอจะทำ ก็ไม่ต้องอายนะคะ


   จะว่าไปแล้วการตรวจร่างกายก่อนแต่งแบบนี้นอกจากจะเช็คสุขภาพของว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวแล้ว ยังถือเป็นการเตรียมพร้อมก่อนมีลูกไปด้วย เพราะหลายคู่ก็คงวางแผนมีเจ้าตัวน้อย
หลังจูงมือเข้าสู่ประตูวิวาห์ ถ้าประเมินว่าตรวจไปยังไงก็คุ้ม ก็เกี่ยวก้อยกันไปตรวจได้เลยค่ะ เชื่อว่าแต่ละคู่คงมี รพ.ในใจกันอยู่แล้วล่ะ