วันอาทิตย์ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2559

คุณพร้อมเป็นหญิง...เป็นชายแค่ไหน

อยากเฉาะ อยากแปลงเพศใจจะขาด แต่ใช่ว่าไปพบหมอศัลย์แล้ว เค้าจะทำให้เลยนะ ไม่ใช่ฝีมือหมอไม่ถึง บอกเลยฝีมือหมอไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก แต่คุณหมอต้องชัวร์ก่อนว่าคนไข้สมควรทำจริงๆ ขืนสุ่มสี่สุ่มห้าทำให้โดยที่ยังไม่พร้อม วันดีคืนดีคนไข้เกิดเปลี่ยนใจขึ้นมา อยากกลับไปเป็นเพศเดิมนี่ซวยเลยนะ อย่างตัดจู๋ เต้านม หรือมดลูก นี่คือตัดแล้วตัดเลย เอากลับคืนมาไม่ได้นะคร้าบ ดังนั้นคุณหมอจึงต้องพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วนว่าคนไหนทำได้-ทำไม่ได้ โดยจะนำแนวทางในการดูแลคนไข้ที่มีการรับรู้เพศผิดปกติ (Gender Identity Disorder : GID) ที่ทำกันจนเป็นมาตรฐานทั่วโลกมาใช้ ไม่ได้ทำแบบขอไปที ชีวิตคนทั้งชีวิตจะมามั่วๆ ไม่ได้ค่ะ



ตามแนวทางที่ว่านี้เมื่อคนไข้บอกว่าอยากแปลงเพศคุณหมอศัลย์จะต้องส่งตัวให้ไปคุยกับผู้เชี่ยวชาญคือจิตแพทย์ ก่อน จิตแพทย์จะตรวจสอบว่าคนไข้เคสนั้นๆ อยู่ในกลุ่มคนที่มีการรับรู้เพศผิดปกติจริงๆ ไม่ใช่กลุ่มคนไข้อื่นๆ ตรงนี้สำคัญต้องแยกให้ได้ก่อน และถ้าแน่ใจว่าการผ่าตัดแปลงเพศจะเป็นวิธีการรักษาที่ดีที่สุด ก็จะออกใบรับรองผ่าตัด (Psychological Assessement Licence) ให้กับคนไข้ แล้วส่งให้หมอศัลย์ทำผ่าตัดต่อไป ซึ่งตามกฎหมายไทยกำหนดให้ใช้จิตแพทย์ถึง 2 คน ตรงนี้ก็จะเป็นการดับเบิ้ลเช็ค เอาให้ชัวร์แบบสุดๆ

ทีนี้ลองมาดูกันว่าคนที่มีคุณสมบัติและสภาวะจิตใจที่พร้อมต่อการผ่าตัดแปลงเพศต้องเป็นยังไง อันนี้เป็นการทดสอบความพร้อมตามมาตรฐานโลก เรียกว่าใครจะทำผ่าตัดแปลงเพศก็ต้องผ่านด่านทดสอบนี้ก่อนค่ะ

เอากรณีแปลงจากชายเป็นหญิงก่อน เพราะมีคนทำกันเยอะมว๊ากก อย่างที่บอกจะตัดจู๋ทิ้งนั้นเป็นเรื่องใหญ่ แต่ถ้าคุณมีคุณสมบัติเหล่านี้ คุณหมอก็ยินดีเฉือนเจ้าโลกของคุณทิ้ง
-   ใช้ชีวิตแบบหญิงติดต่อกันเป็นระยะที่ยาวนานกว่า 1 ปีขึ้นไป
-  เคยใช้ชีวิตเป็นหญิงอย่างสมบูรณ์ที่คนรอบข้างยอมรับได้ และมีความสุขโดยไม่มีความกดดันใดๆ
-  มีความรู้สึกเป็นหญิงมานานแล้ว หรืออาจจะเริ่มตั้งแต่จำความได้
มีความรู้สึกรังเกียจอวัยวะเพศของตัวเอง และคิดว่าเป็นของส่วนเกิน
-   มีความรู้สึกไม่ชอบพฤติกรรมของพวกรักร่วมเพศอย่างสิ้นเชิง
- เคยกินฮอร์โมนเพศหญิงมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นในรูปยากินหรือยาฉีด ข้อนี้นำมาใช้ตัดสินด้วยเพราะปกติผู้ชายที่ไม่มีความตั้งใจจริงจะเป็นผู้หญิง คงไม่มีใครคิดอุตริกินหรือฉีดฮอร์โมนเพศหญิงหรอกค่ะ


เอาล่ะ มาดูกรณีแปลงจากหญิงเป็นชายกันบ้าง ถึงเปอร์เซ็นต์ทำจะน้อยกว่าก็เถอะ แต่แนวโน้มก็มีมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งคุณสมบัติของคนไข้จะคล้ายๆ กันเพียงแต่เป็นในทางตรงข้าม คือ
-   มีความรู้สึกอยากเป็นชายตั้งแต่จำความได้
เคยใช้ชีวิตเป็นชายอย่างสมบูรณ์อย่างมีความสุขและไม่มีความกดดันใดๆ และได้รับการยอมรับจากคนรอบข้างเป็นอย่างดี
-   ได้ใช้ชีวิตแบบชายติดต่อกันเป็นระยะเวลายาวนานกว่า 1 ปีขึ้นไปเต็มเวลา
-   ได้รับฮอร์โมนเพศชายมามากกว่า 1 ปี ในเคสที่ต้องการผ่าตัดอวัยวะเพศหญิงออก เช่น ตัดมดลูก, รังไข่

หลังผ่านด่านตรวจสอบสภาพจิตจนมาถึงมือคุณหมอศัลย์แล้ว แสดงว่าคนไข้พร้อมแล้วที่จะเข้ารับการผ่าตัด ถึงกระนั้นก็ยังต้องคำนึงถึงเรื่องเหล่านี้ด้วยจร้า คือคนไข้ต้องมีอายุอย่างน้อย 20 ปีเต็ม อันนี้พิจารณาในแง่กฎหมายหรือจริยธรรม แล้วถ้าอายุน้อยกว่านั้นล่ะ ก็ยังทำได้ค่ะ แต่ต้องให้พ่อแม่ผู้ปกครองยินยอม และอีกเรื่องก็คือสุขภาพร่างกายของคนไข้เองว่าพร้อมที่จะทำมั้ย ถ้าสุขภาพแข็งแรงดี ก็ทำผ่าตัดได้เลย แต่ถ้ามีอะไรที่เสี่ยงต่อการผ่าตัด ก็ต้องดูว่าแก้ไขได้มั้ย ถ้าได้คุณหมอก็จะแก้ก่อน เพื่อความปลอดภัยของคนไข้ค่ะ




ไม่มีความคิดเห็น: