วันอาทิตย์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2558

รู้ไว้ซะ...ก่อนขึ้นเขียง

        จะขึ้นเขียงผ่าตัด ถ้าเป็นการผ่าตัดใหญ่ๆ ต้องดมยาสลบหรือบล็อกหลังแล้วหมอศัลย์ผ่าเปิดเข้าไปในร่างกาย หูยยย...เป็นใครจะไม่ใจฝ่อล่ะคร้า  ใช่การผ่าตัดเล็กๆ ฉีดยาชาพอชิลๆ ซะที่ไหน ความกลัว ความวิตกกังวลของคนไข้ก็มาจากความไม่รู้นั่นแหละ ถึงหมอจะแจงแล้วว่าคนไข้จะเจอะเจออะไรบ้าง แต่ก็แค่คร่าวๆ ก็ได้แต่จินตนาการกันไป ถูกมั่งผิดมั่ง เราก็เลยขอหยิบข้อมูลที่คิดว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับใครก็ตามที่ต้องเข้ารับการผ่าตัด ซึ่งนอกจากจะช่วยลดความหวาดวิตกต่อการผ่าตัดลงได้ในระดับหนึ่งแล้ว ยังลดภาวะเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นจากการผ่าตัดได้ด้วยค่ะ




ถามหมอให้เคลียร์
โดยปกติถ้าต้องผ่าตัด หมอก็จะอธิบายให้ทราบอยู่แล้วล่ะว่า ทำไมต้องผ่าตัด จะผ่ายังไง ผ่าแล้วคาดหวังผลเพียงไหน ต้องดมยาหรือไม่ต้อง ข้อดีข้อเสียของการผ่าตัด ผลแทรกซ้อนที่จะเกิดขึ้นทั้งระหว่างและหลังการผ่าตัด ฯลฯ แต่บางทีข้อมูลมันเยอะ คนไข้เองก็ยังตกใจที่ต้องผ่าตัด ฟังไปเบลอไป งงๆงวยๆ เก็บความได้บ้างไม่ได้บ้าง ข้อมูลก็อาจจะมีตกๆ หล่นๆ ได้ ถ้ายังไงตั้งสติให้ดีๆ ซะก่อน ไม่แน่ใจสติสตังก็หนีบญาติไปช่วยกันฟัง สงสัยไม่เข้าใจตรงไหนให้ถามหมอตรงๆ ไม่ต้องเกรงใจ ซักจนกว่าจะกระจ่างนั่นแหละ เมื่อเข้าใจทุกขั้นตอนของการรักษาก็จะได้ผ่าอย่างมั่นใจ


แข็งแรงไว้ก่อน
หากร่างกายฟิตโอกาสฟื้นตัวหลังผ่าตัดก็เร็วขึ้น ดังนั้น ก่อนผ่าตัดดูแลรักษาสุขภาพให้แข็งแรง ใส่ใจทั้งเรื่องอาหารการกิน การออกกำลังกาย และพักผ่อนให้เพียงพอ ถ้าใกล้วันผ่าตัดเกิดไม่สบายขึ้นมา แม้ยามปกติจะเห็นเป็นเรื่องเล็กน้อย เช่น เป็นหวัด มีผื่นคัน ฯลฯ ควรแจ้งให้คุณหมอทราบทันที


แจ้งประวัติให้ละเอียด 
        ประวัติสุขภาพของคนไข้เป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องแจ้งให้คุณหมอทราบ เพื่อลดความเสี่ยงหรือภาวะแทรกซ้อนในการผ่าตัด
           ·  ในกรณีที่มีโรคประจำตัว ต้องแจ้งคุณหมอโดยละเอียด อย่างบางคนเป็นเบาหวานอาจต้องปรับระดับน้ำตาลให้อยู่ในเกณฑ์ปกติก่อน หรือเป็นความดันโลหิตสูงก็ต้องควบคุมความดันให้ได้ก่อน
           ·  ถ้ารับประทานยาเป็นประจำ ควรนำยาที่รับประทานอยู่ทั้งหมดมาให้คุณหมอดู เพราะบางทีคนไข้อาจกำลังกินยา วิตามินหรืออาหารเสริมบางตัวที่มีฤทธิ์ต้านการแข็งตัวของเลือด ซึ่งจำเป็นต้องหยุดยาเหล่านั้นก่อนผ่าตัด
           ·  เคยแพ้ยาอะไรบ้าง แพ้แล้วมีอาการยังไง บอกไปให้หมด
       · ถ้าเคยผ่าตัดมาก่อน แจ้งด้วยว่าผ่าตัดอะไร ใช้วิธีระงับความรู้สึกแบบไหน ยาชา ยาสลบ บล็อกหลัง แพ้บ้างหรือเปล่า ข้อมูลเหล่านี้จะเป็นแนวทางให้กับหมอดมยาได้
        · ดื่มเหล้าหรือเปล่า เป็นสิงห์อมควันหรือไม่ ถ้าใช่ก็อย่าปิดบัง สิ่งเหล่านี้ต้องงดก่อนผ่าตัดอย่างน้อย สัปดาห์ อย่างสารนิโคตินในบุหรี่อาจจะลดประสิทธิภาพในการหายของแผลผ่าตัดได้นะ

เตรียมให้พร้อมสำหรับวันผ่าตัด
         เมื่อคนไข้มา รพ.ตามหมอนัดเพื่อรับการผ่าตัด ก็จะต้องมีการ
เตรียมคนไข้ให้พร้อมสำหรับการผ่าตัด จะเตรียมมากน้อยแค่ไหนขึ้นกับว่าผ่าอะไร บางกรณีก็อาจต้องเตรียมมากขั้นตอนหน่อย ทั้งนี้ก็เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการผ่าตัด
         · คนไข้จะได้รับการตรวจโน่นนั่นนี่หลายอย่าง อันนี้เป็นเรื่องปกติที่ต้องเจอ เช่น ตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะ เอกซเรย์ปอด ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ เป็นต้น


         · อาจต้องมีการเตรียมบริเวณที่จะทำผ่าตัดให้พร้อม เช่น บางการผ่าตัดอาจต้องโกนขนบริเวณที่จะทำผ่าตัดให้เกลี้ยง
         · หากคนไข้ต้องทำผ่าตัดเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร ผ่าตัดในอุ้งเชิงกราน อาจจะต้องทานยาระบายหรือสวนอุจจาระก่อนการทำผ่าตัด ก็ไม่ต้องตกอกตกใจไป
         ·  ส่วนใหญ่คนไข้มักจะต้องงดดื่มน้ำและรับประทานอาหารทุกชนิด ก่อนผ่าตัดประมาณ 6-8 ชม. ทั้งนี้เพื่อป้องกันการสำลักอาหารเข้าไปในทางเดินหายใจ
         ·  ของมีค่า เช่น เงิน, เครื่องประดับ ควรให้ญาติดูแล ถ้าไม่มีญาติให้ฝากไว้กับเจ้าหน้าที่ ป้องกันการสูญหาย ผ่าตัดก็เจ็บตัวพอแล้ว อย่าให้ต้องมายุ่งยากปวดหัวกับเรื่องไม่ใช่เรื่องอีกเลยค่ะ
         ·  ใครใส่ฟันปลอมถอดได้ ต้องถอดออกให้หมดก่อนไปห้องผ่าตัด ไม่งั้นอาจหลุดร่วงลงไปในลำคอได้ ส่วนคนที่ทาเล็บมือเล็บเท้าควรล้างออกให้เกลี้ยง ปกติเจ้าหน้าที่จะถามและตรวจสอบทุกครั้งก่อนส่งไปห้องผ่าตัด ถ้ามีก็ล้างออกจนหมดนั่นแหละ แต่ทางที่ดีรู้ตัวว่าต้องผ่าตัดก็ล้างยาทาเล็บมาจากบ้านเลยดีกว่าค่ะ


หลังผ่าตัด...ช่วงพักฟื้น
         ·  คนไข้ที่ดมยาสลบซึ่งใส่ท่อช่วยหายใจระหว่างผ่าตัด ในช่วงพักฟื้นหลังผ่าตัดอาจรู้สึกเจ็บคอ ระคายคอหรือมีเสมหะได้ ซึ่งการไอเป็นกลไกธรรมชาติที่ร่างกายจะขับเสมหะออกมา แต่ถ้าไอค่อกๆ    แค่กๆ ไปเรื่อย นอกจากจะไร้ประโยชน์แล้ว ยังอาจทำให้ปวดแผลต้องขอยาแก้ปวดอีก ดังนั้นควรใช้ “วิธีการไออย่างมีประสิทธิภาพ” คือ คนไข้อยู่ในท่านั่งหรือท่านอนศีรษะสูง ประคองแผลผ่าตัดโดยการกางมือกดบริเวณแผลให้แน่น (หรือจะใช้หมอนใบเล็ก ผ้าเช็ดตัวม้วนประคองแผลก็ได้) เพื่อลดแรงดันขณะไอ หายใจเข้าลึกๆ 3 ครั้ง และหายใจออกทางปากก่อนเพื่อช่วยกระตุ้นปฏิกิริยาการไอ จากนั้นไอแรงๆ เพื่อให้เสมหะที่ตกค้างอยู่ในหลอดลมถูกขับออกมา ซึ่งโดยทั่วไปพยาบาลจะสอนคนไข้ให้รู้จักวิธีการไออย่างมีประสิทธิภาพและได้ฝึกฝนก่อนผ่าตัดจริงค่ะ
        ·  คนไข้ที่ได้รับยาระงับความรู้สึกด้วยการบล็อกหลัง ควรนอนราบอย่างน้อย 8 ชั่วโมงเพื่อป้องกันภาวะสมองเคลื่อน
        ·  การผ่าตัดบางอย่างอาจมีอุปกรณ์หรือท่อต่างๆต่อออกมาจากตัวติดมาด้วย เช่น ท่อระบายของเหลวจากบริเวณที่ทำผ่าตัดออกสู่ภายนอก ไม่ต้องตกใจเพราะเป็นการคาไว้ชั่วคราว และการระบายเอาของเหลวออกไปจะช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น สิ่งที่ต้องระมัดระวังคืออย่าให้สายบิด หัก พับงอ และถุงที่ต่อจากท่อระบายควรให้อยู่ต่ำกว่าบริเวณที่ใส่ท่อระบาย
        ·  ในระยะหลังผ่าตัดที่ยังไม่ลุกขึ้นจากเตียง คนไข้ควรหายใจเข้าออกยาวๆ ลึกๆ บ่อยๆ เท่าที่จะทำได้ โดยการหายใจเข้าทางจมูกช้าๆ จนหน้าท้องตึงและหายใจออกช้าๆทางปาก เพื่อช่วยขยายถุงลมเล็กๆ ในปอดและป้องกันการเกิดปอดอักเสบและถุงลมแฟบหลังผ่าตัด และยังช่วยขับสารที่ใช้ในการดมยาสลบออกจากร่างกายโดยเร็ว โดยทั่วไปก่อนผ่าตัดพยาบาลจะสอนวิธีหายใจลึกๆ ที่ถูกต้องให้กับคนไข้ค่ะ

        ·  เมื่อเริ่มรู้สึกว่าแข็งแรงขึ้นแล้ว ก็อย่าเอาแต่นอนแซ่วติดเตียง ควรมีการเคลื่อนไหวโดยเริ่มจากการพลิกตัว ถ้าไหวก็ให้ออกกำลังกายบนเตียง บริหารแขนขา เพื่อกระตุ้นให้ลำไส้ทำงานเร็วขึ้นป้องกันท้องอืด ซึ่งการลุกจากเตียงจะทำได้เร็วช้าแค่ไหนขึ้นอยู่กับอวัยวะและการผ่าตัด ถ้าแข็งแรงพอก็ควรลุกจากเตียงโดยเร็ว 


ไม่มีความคิดเห็น: