วันพุธที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ปากแห้ง...แสลงใจ

        ริมฝีปากเป็นส่วนหนึ่งบนใบหน้าที่ชวนให้ประทับใจชวนจุ๊บก็ได้ ทำให้เห็นแล้วรู้สึกติดลบไปเลยก็มี ถ้าไม่เอาใจใส่ปล่อยให้ริมฝีปากแห้งแตกลอกเป็นขุย บางคนแตกเป็นแผล จะยิ้มทีก็เจ็บตึง จะกินอาหารรสจัดจ้านก็เจ็บแสบ โอ๊ย ไม่สวยยังสร้างความทรมาน แถมใครเห็นเป็นทักให้ขาดความมั่นใจซะอีก        




        ส่วนใหญ่คนที่มีปัญหาปากแห้งมักเกิดจากการดื่มน้ำน้อย        สาเหตุอื่นๆ ก็เช่น บางคนติดเลียริมฝีปากบ่อยๆ ซึ่งในน้ำลายมีเอนไซม์ที่ช่วยย่อยอาหารจึงเป็นสาเหตุให้ริมฝีปากแห้ง ระคายเคืองได้,  การใช้ยาสีฟันที่มีฟองเยอะหรือมีรสเผ็ดซ่า, การทาลิปสติกแล้วเกิดอาการแห้ง ระคายเคืองจากสารประกอบในลิปสติก เช่น สี กลิ่น น้ำหอม,  ชอบกินผลไม้รสเปรี้ยว อาหารรสเผ็ดจัด ร้อนจัด, มีความเครียด, การรับประทานยารักษาโรคบางชนิด, การรับรังสีเพื่อรักษาโรค

        ใครมีปัญหาปากแห้ง ถ้าเกิดจากการกินยาหรือไปฉายแสงมา คงต้องปรึกษาคุณหมอว่าควรหาทางออกยังไงดี คุณหมอจะพิจารณาเปลี่ยนยงเปลี่ยนยาก็ว่ากันไป หรือถ้าฉายแสงก็จะมีคำแนะนำในการดูแลที่ถูกวิธีให้ อันนี้ขอไม่ไปแตะ ส่วนที่มาพูดคุยกันในตอนนี้จะมาว่ากันในแง่การแก้ปัญหาพื้นๆ ทั่วไปที่เรา ๆ ท่านๆ ทำได้ด้วยตัวเอง ซึ่งส่วนใหญ่ปฏิบัติแล้วก็ช่วยให้อาการปากแห้งดีขึ้นได้  


        อย่างแรกเลยที่อยากแนะนำก็คือ ควรดื่มน้ำสะอาดให้มากๆ หรือจิบน้ำอุ่นๆ บ่อยๆ น้ำนี่แหละยาขนานดีในการแก้อาการปากแห้ง น้ำช่วยทำให้ผิวหนังชุ่มชื้น สดใส มีน้ำมีนวล ผิวหนังทุกส่วนไม่เฉพาะริมฝีปาก จริงๆ การให้ร่างกายได้รับน้ำเพิ่มขึ้นทำได้ทั้งดื่มเข้าไปโดยตรง ส่วนใหญ่เราก็ได้น้ำจากวิธีนี้มากที่สุด ซึ่งน้ำที่กินก็ไม่ได้จำกัดว่าต้องเป็นน้ำเปล่า อาจเป็นน้ำหวาน น้ำผลไม้ ชา กาแฟ หรือเครื่องดื่มชนิดต่างๆ ก็ได้ เพียงแต่ถ้าเอาประโยชน์ต่อสุขภาพมากที่สุดก็เป็นน้ำเปล่าที่ใสสะอาด ปราศจากสี กลิ่น และตะกอนดีที่สุด ว่ากันเรื่องแคลอรีก็ไม่ต้องมานับกันให้วุ่นวายเพราะน้ำเปล่าไม่มีแคลอรี กินแล้วไม่อ้วนฟันธงค่ะ ส่วนน้ำที่เราจะได้ทางอื่นก็จากอาหารที่เรากินเข้าไป เช่น น้ำแกง น้ำซุป น้ำที่แทรกซึมอยู่ในผักผลไม้ และอาหารต่างๆ นั่นก็นับได้ด้วย

        จริงๆ จะดูว่าแต่ละวันเราได้รับน้ำเพียงพอหรือไม่ ไม่ต้องรอจนปากแห้งแตกถึงค่อยมาสรุป ให้ดูที่สีของปัสสาวะก็พอประเมินได้ล่ะ ถ้าเป็นสีเหลืองจาง ๆ แสดงว่าได้น้ำเพียงพอ แต่ถ้าปัสสาวะเป็นสีเหลืองเข้มแสดงว่าดื่มน้ำน้อย แต่ถ้าซัดน้ำมากเกินความต้องการของร่างกายปัสสาวะจะใสเหมือนน้ำไม่มีสีเหลืองเลย อันนี้ก็เยอะไป ก็เอาให้พอดีๆ ล่ะกัน ถ้าใครไม่ค่อยชอบดื่มน้ำ ให้ดื่มอั๊กๆ ทีละเป็นแก้วนี่เหมือนโดนลงโทษยังไงยังงั้น แนะนำให้ใช้วิธีเก็บสะสมไปเรื่อยๆ จิบชิลๆ บ่อยๆ จะได้ไม่รู้สึกทุกข์มาก

        

         
         ส่วนอาการปากแห้งมากจนลอกเป็นขุย แก้ปัญหาด้วยการผสม “น้ำอุ่นกับเกลือป่น” เล็กน้อย แล้วใช้สำลีหรือทิชชูชุบให้เปียกบีบพอหมาด แล้วใช้ปากคาบทิ้งไว้ประมาณ 3-5 นาที หรือเช็ดไล้ริมฝีปากเบาๆ ก็จะช่วยให้ขุยต่างๆ หลุดลอกออกไปได้ หรือถ้าริมฝีปากมีรอยแห้งแตกให้ลองใช้น้ำผึ้งผสมน้ำมะนาวเจือจางทาบางๆ บริเวณริมฝีปาก เพื่อช่วยผลัดเซลล์ผิวใหม่ให้ริมฝีปากกลับมาสวยสดใส

       สาวๆ ที่แต่งหน้าทาปาก ลิปสติกนี่เป็นอะไรที่ขาดไม่ได้ แต่ถ้าใช้แล้วปากแห้ง ระคายเคือง ควรหลีกเลี่ยงซะ หมั่นทาลิปมันที่มีส่วนผสมของสารบำรุง หรือถ้าปากแห้งมากแนะนำให้ทาปิโตรเลียมเจล (มีลักษณะเป็นเจลใสคล้ายขี้ผึ้ง) ทาได้บ่อยครั้งตามต้องการ ปิโตรเลียมเจลจะไปเคลือบริมฝีปากไว้ตลอดเวลา ช่วยลดการระเหยของน้ำ และป้องกันผิวระคายเคืองได้                

        อย่าเผลอเลียริมฝีปากบ่อยๆ เตือนตัวเองเอาไว้ค่ะ
    

    
    เปลี่ยนไปใช้ยาสีฟันชนิดฟองน้อยหรือไม่มีฟอง ไม่มีรสเผ็ดซ่า อาจทาปิโตรเลียมเจลเคลือบริมฝีปากก่อนแปรงฟัน เพื่อป้องกันฟองยาสีฟันไประคายเคืองริมฝีปาก

     สาวๆ ที่นิยมทานผลไม้รสเปรี้ยว อาหารรสเผ็ดจัด เลี่ยงได้ก็ควรเลี่ยงนะ แต่ถ้ายังตัดใจไม่ได้ หลังกินก็บ้วนปากให้สะอาด

        ลองนำไปปฏิบัติกันดูค่ะ อ้อ ฝากไว้ก่อนจาก หน้าหนาวก็ใกล้เข้ามาแล้ว หน้าหนาวอากาศแห้ง ถ้าเผชิญปัญหาผิวแห้งปากแห้ง ก็นำวิธีที่แนะนำข้างต้นไปใช้ได้นะคะ 


ไม่มีความคิดเห็น: